
ชุดขาว มาดริด โกปา โดยก่อนเกมยังมองไม่ออกว่าศึก “เอล กลาซิโอ้” ในเวอร์ชั่นรอบรองฯ โกปา เดล เรย์ (เลกสอง) ฝั่งไหนจะเป็นฝ่ายได้รับการชูมือ หลังจากเลกแรกทั้งสองทีมเสมอกันมาก่อนที่สกอร์ 1-1 ในรัง คัมป์ นู ของ บาร์เซโลน่า
เกมในครึ่งเวลาแรก เป็นทางฝั่ง เรอัล มาดริด ที่ทำได้เหนือกว่าโดยเฉพาะจังหวะการหาโอกาสลุ้นจบสกอร์ ขณะเดียวกัน บาร์เซโลน่า ที่ขนผู้เล่นเกมรุกมากันเต็มอัตราศึกก็พร้อมออกหมัดแลกอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน จนกระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญมาเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังโดยการแผลงฤทธิ์ของ หลุยส์ ซัวเรซ
บาร์เซโลน่า มาได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ทครึ่งแรกจากลูกยิงของ หลุยส์ ซัวเรซ จากนั้น นาที 69 “ราชันชุดขาว” พลาดท่าเสียประตูที่สองจากจังหวะ ราฟาเอล วาราน สกัดบอลเข้าประตูตัวเอง (ไม่สกัดมี ซัวเรซ รอซ้ำ)
ก่อนที่ประตูตอกฝาโรง เรอัล มาดริด คาสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว จะมาเกิดขึ้นในนาที 73 จาก ซัวเรซ ไปโดน คาเซมิโร่ เหยียบเท้าล้มลงในกรอบเขตโทษ ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นเจ้าตัวลุกขึ้นมาสวมบทเพชรฆาตรสังหารแบบ ปาเนนก้า เข้าไปอย่างเหนือชั้นพาทีมเอาชนะไปด้วยสกอร์ขาดเละเทะถึง 3-0
จากชัยชนะนัดนี้ส่งผลให้ บาร์เซโลน่า ตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบ ชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ ด้วยสกอร์รวม 4-1 ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์รอพบคู่ระหว่าง บาเลนเซีย หรือ เรอัล เบติส ที่จะลงฟาดแข้งกันในค่ำคืนนี้
อ่านข่าวย้อนหลัง : เอล กลาซิโก้" ยกสอง-เรอัลมาดริดบู๊บาร์ซ่า เบนซ์วัดคมเมสซี่
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด : เคย์เลอร์ นาบาส(GK), ดานี่ กาบาร์ฆัล, ราฟาเอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, เซร์คิโอ เรกีลอน, คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, วินิซิอุส จูเนียร์, ลูคัส บาซเกซ, คาริม เบนเซม่า
บาร์เซโลน่า : มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น(GK), เนลสัน เซเมโด้, เคราร์ด ปิเก้, เคลมงต์ ล็องเล่ต์, ฆอร์ดี้ อัลบา, เซร์คิโอ โรแบร์โต้, เซร์กี้ โรแบร์โต้, อิวาน ราคิติช, ลิโอเนล เมสซี่, อุสมาน เดมเบเล่, หลุยส์ ซัวเรซ
No comments:
Post a Comment